กว่าจะผ่านมาตราฐานของ FIM หมวกกันน็อกต้องผ่านการทดสอบอะไรบ้าง...?
FIM Racing Homologation Programme ก่อตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการแข่งขันมอเตอรไซค์ เช่น หมวกกันน็อก และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและเป็นไปตามข้อกำหนดของการแข่งขัน อาทิเช่น การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก รายการ MotoGP
โดย FIM มีจุดประสงค์หลักของโปรแกรมนี้ เพื่อสร้างมาตรฐานการประเมินขั้นสูงของประสิทธิภาพความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ การที่จะได้รับการอนุมัติให้ผ่านมาตรฐานของโปรแกรมนั้น ผลิตภัณฑ์ต้องมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานคุณภาพตรงตามที่กำหนดสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์นั้นๆ
ต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนในการทดสอบมาตราฐาน FIM Racing Homologation Programme
สำหรับหมวกกันน็อกที่มีสิทธิ์เข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานของ FIM Racing Homologation Programme ได้นั้นต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานและมีคุณสมบัติ ดังนี้
· ได้รับมาตราฐาน UNECE 22.05 หรือ ECER22-05 ประเถท P
· ได้รับมาตราฐาน Snell M 2015
· ได้รับมาตราฐาน JIS T8133 2015 ประเภท 2 เต็มใบ
· ไม่ใช่หมวกที่สามารถเปิดคาง และถอดคางได้
· เปลือกหมวกมีขนาดเดียวของแต่ละไซส์ (1 เปลือกหมวก ต่อ 1 ไซส์)
· หมวกที่มีสายรัดคางแบบ double D-ring (DD-ring)
การทดสอบทั้งหมดของ FIM Helmet Standard หรือ FRHPhe-01 แบ่งการทดสอบเป็น 3 การทดสอบใหญ่ๆด้วยกันคือ LINEAR IMPACT (การทดสอบแรงกระแทกแนวดิ่ง), OBLIQUE IMPACT (การทดสอบแรงกระแทกแนวเฉียง) และ PENETRATION TEST (การทดสอบการเจาะ)
LINEAR IMPACT (การทดสอบแรงกระแทกแนวดิ่ง)
การทดสอบนี้จะอ้างอิงมากจากการทดสอบของ ECER22-05 และ Snell M 2015 วิธีการทดสอบนี้ของ FIM เป็นการการทดสอบการทดสอบการดูดซับแรงกระแทก
LINEAR IMPACT (การทดสอบแรงกระแทกแนวดิ่ง) วิธีทดสอบ : จะทดสอบบริเวณตำแหน่งของหัวหุ่น ซึ่งจะติดตั้งเซนเซอร์ไว้ด้านใน เพื่อวัดความเร็วและแรงกระแทกโดยใช้ทั่งเหล็กแบบแบนราบ การทดสอบจะทำขึ้นสองครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าหมวกกันน็อกสามารถทนต่อการรับแรงกระแทกได้มากกว่าหนึ่งครั้งและหมวกจะถูกทิ้งลงบนพื้นผิวที่แตกต่างจากความสูงที่กำหนดไว้ และทิ้งตำแหน่งเดียวภายในขอบเขตทดสอบ จากความสูง 3.06 เมตร จำนวน 1 ครั้ง และครั้งที่ 2 จากตำแหน่งเดิม แต่ความสูงจะเปลี่ยนเป็น 2.24 เมตร หากตอนนี้มีอัตราความเร็วที่เพิ่มที่หุ่นจำลองศีรษะ ไม่เกิน 2940 (300G) การทดสอบจึงจะผ่าน
OBLIQUE IMPACT (การทดสอบแรงกระแทกแนวเฉียง)
การทดสอบนี้เป็นนวัตกรรมการทดสอบของ FIM เป็นผู้บุกเบิกการประเมินการกระแทกของหมวกกันน็อกที่ระดับความรุนแรงระดับกลาง โดยอ้างอิงมากจากการทดสอบของ ECER22-05 และ Snell M 2015 แต่การทดสอบของ FIM นั้นมีความเร็วสูงกว่า โดยความเร็วในการทดสอบของ FIM จะอยู่ที่ 8.2 m / s แต่ของ ECER22-05 จะอยู่ที่ 7.5m/s โดยมีจุดประสงค์เพื่อประเมินระดับการป้องกันการบาดเจ็บของสมองที่เกิดจากการกระแทกแบบคนที่ถูกโยนออกมาจากรถ การทดสอบแบบเฉียงนี้เป็นวิธีการทดสอบที่แปลกใหม่และทันสมัยที่สุดและสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปในอุบัติเหตุในชีวิตจริง
วิธีทดสอบ : จะสุ่มเลือกหมวกจาก 3 ใน 10 ใบ ที่ส่งเข้ามารับการตรวจสสอบในของแต่ละไซส์ การทดสอบนี้จะตั้งทั่งเหล็กทดสอบที่มีลักษณะเฉียงที่ระดับ 45 องศา แล้วทิ้งหมวกลงมาในแนวดิ่ง ที่ความเร็ว 8.2 m / s ให้ตกกระทบยังสุดสำคัญต่างๆทั้งหมด 13 จุด (ไม่ใช้จุดเดิมที่เคยทดสอบ) ทั่วทั้งหมวกรวมส่วนของพวกพาร์ทต่างๆ
PENETRATION TEST (การทดสอบการเจาะ)
การทดสอบนี้จะอ้างอิงมากจากการทดสอบของ JIS T8133 2015 หรือ SNELL การทดสอบมาตรฐาน SNELL 2 เป็นการทดสอบต้านทานการทะลุผ่าน การทดสอบนี้เป็นการทดสอบความแข็งแรงของหมวกกันน็อกต่อวัตถุปลายแหลม อย่างเช่น ส่วนที่นูนขึ้นมาที่บนพื้นผิวถนนข้างถนน และบันไดของรถจักรยานยนต์ เป็นต้น หมวกกันน็อกจะต้องป้องกันวัตถุที่จะมาสัมผัสหุ่นจำลองศีรษะ
วิธีทดสอบ : ทิ้งแท่งเหล็ก Striker เป็นลูกตุ้มเหล็กปลายแหลมน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ลงมาจากที่สูง 3 เมตร โดยมีท่อและเส้นลวดเป็นตัวนำทางทิ้งลงมาที่หมวกกันน็อก - สวมหมวกกันน็อกบนหุ่นศีรษะจำลอง ซึ่งเตรียมไว้เพื่อการทดสอบการต้านทานการทะลุผ่าน วางหุ่นศีรษะจำลองไว้คงที่บนแท่นทดสอบ พอ Striker สัมผัสถูกหุ่นศีรษะจำลอง คลื่นกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านส่งข้อมูลมาที่คอมพิวเตอร์ "การที่ปลายแหลมของ Striker ไม่สัมผัสหุ่นศีรษะถือว่าการทดสอบผ่าน"